วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เพลงกล่อมเด็กอิสาน

เพลงกล่อมเด็ก

          เพลงกล่อมเด็ก  วิวัฒนาการมาจากการเล่านิทานหรือนิยายให้เด็กฟังในเวลานอนเหตุที่ต้องเล่าเป็นเพราะสัญชาตญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่สร้างมาให้มีเพื่อนไม่อาจอยู่ตามลำพังคนเดียวได้  การเล่านิทานให้เด็กฟังในเวลานอนนั้นก็เพื่อให้เด็กอบอุ่นและรู้ว่าตนนอนนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเอาใจทะนุถนอมอยู่ข้าง ด้วย เด็กจะได้รู้สึกอบอุ่นหลับสนิทไปพร้อมกับความสุข
          เพลงกล่อมเด็ก  เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่มีมานาน แบ่งย่อย เป็นหลายประเภท คือ
          เพลงปลอบเด็ก
          เพลงกล่อมเด็ก
          เพลงขู่เด็ก

ความสำคัญของเพลงกล่อมเด็ก
          เพลงกล่อมเด็กเป็นการกล่อมเด็กให้เด็กนอนหลับหรือหายกวนโยเย  ทำให้เด็กเกิดความอบอุ่น อารมณ์หายขุ่นมัวได้ และยังช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยหน่ายของผู้เลี้ยงอีกด้วย

ลักษณะฉันทลักษณ์ของเพลงกล่อมเด็ก
          เพลงกล่อมเด็กมีลักษณะคำประพันธุ์ประเภท ร่าย มีจำนวนคำ 5-15 คำขึ้นไปมีสัมผัสสร้อยเชื่อมกันไปโดยตลอด  แบบร่ายของทางภาคกลาง  ความยาวของเพลงกล่อมเด็กกำหนดแน่นอนไม่ได้  บางบทสั้นบางบทยาว ขึ้นอยู่กับเนื้อความที่ผู้ร้องจะถ่ายทอดหรือบรรยายออกมา  คำขึ้นต้นของเพลงกล่อมเด็กจะขึ้นโดยใช้คำ "อือ" ขับลำนำก่อน หรือขึ้นต้นด้วยคำว่า  "นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม"  หรือ "นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม่สิก่อม"

เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก
          เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก  แบ่งได้เป็น ประเภท คือ
.    กล่าวถึงวรรณกรรม หรือนิทานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังตัวอย่าง
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
นอนอู่ไหมแม่ไผบ่ฆ่า
นอนอู่ผ้าบ่มีไผตี
ทิ่มใส่อู่ให้เจ้าอยู่เจ้านอน
ทิ่มใส่หมอนให้เจ้านอนอ้วยซ้วย
เพิ่นมาขายกล้วยซิซื้อให้กิน
อินทราพร้อมเทวดาซูซ่อย
ขอให้ลูกอ่อนน้อยนอนแล้วอยู่สบาย
(อ้วยซ้วย = นิ่ง สงบๆ  ซ่วย = ช่วย  ทิ่ม = ทิ้ง)

.  เนื้อหาเกี่ยวกับความรักของพ่อแม่มีต่อลูก ดังตัวอย่าง
เอ่อ เออ เอ้อ เออ
นอนสาหล่า  แม่ไปนาเอาปามาต้อน
ให้เจ้านอนอยู่สุขสำบาย
ยุงบ่ให้กายไฮบ่ให้ไก้
ตื่นแล้วสิพาไปเบิ่งหนัง
เอ่อ เออ เอ้อ เออๆๆๆ
(กาย = ใกล้ เบิ่ง = ดู)
     นอนสาหล่า
นอนสาหล่า           หลับตาแม่สิก่อม
ให้เจ้านอนอู่แก้ว      หลับแล้วแม่ซิกวย
เอ้อเออเอ้อ      เออเอ้อ.เออ
(กวย = ไกว  ก่อม = กล่อม)

.  เนื้อหาที่บันทึกชีวิตความเป็นอยู่ทางสังคม เช่น การประกอบอาชีพ ดังตัวอย่าง
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
อีพ่อหม่อมเขาไปขายไหม
ลงไปไทยขายไหมขายหลอด
ขายไปฮอดเมืองนอกคอกนา
     (ฮอด = ถึง)
อือ หือ อือ อื้อ อือ
นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
อ่อ อ่อม อ้อย แมวน้อยสิตอดตา
แม่ไปไฮ่ปิ้งไก่มาหา
แม่ไปนาปิ้งปามาป้อน
แม่ไปเลี้ยงม้อนเก็บมอนมาส่ง
เจ้าอยู่บ้านนอนท่าแม่สิมา
อือ หือ ฮือ ฮือ ฮือ
     (ปา = ปลา  ไฮ่ = ไร่)
              นอนสาหล่า
     นอนสาหล่าหลับตาสามิเยอ        แม่ไปไฮ่หมกไข่มาหา
แม่ไปนาหมกปลามาป้อน               แม่เลี้ยงหม่อนอยู่ป่าสวนมอน
นอนตะแคงอยู่กกไม้เนิ้ง                ฟังเสียงเซิ้งน้าบ่าวเซียงลามาจับอึ่ง
จับอึ่งแล้วเลี้ยงงัวเลี้ยงควาย              ควายตูเสียอีแม่ตูด่า
เต้นเข้าป่าเห็นนกแจนแวน
     (เนิ้ง = เอน)

              นอนสาเด้อหล่า
นอนสาเด้อหล่า                          ท้าวก๋าน่อยอ่อน
ตั้งแต่ญางอ้อนแอ่น                      เดิ๋นเหล่นหยอกกั๋น
คั่นกับจากไฮ่                             แม่กะเอิ้นขวนมา
กับจากนา                                แม่กะเอิ้นขวนเต้า
เอิ้นเอ๋าขวนอึดเข่ามาเฮี้ยนเฮี้ยงฟัง      เอิ้นเอ๋าขวนลูกเต้ามาเข่ายูคิ้ง
คั้นเทียวทงกะถือแดขวนอ๋อน           เทียวทางด๋อนกะถือลมขวนล่ม
(ญาง = เดิน  ยูคิ้ง = อยู่กับตัว  เอิ้น = เรียก  ถืก  = ถูก)

.  เนื้อหาที่เกี่ยวกับคำสั่งสอน  เป็นการสั่งสอน เช่นการคบเพื่อน การเรียน ดังตัวอย่าง
การคบเพื่อน
              ให้เจ้าฟังคำมารดาทุกเงื่อน
              เจ้าอย่าได้คบเพื่อนคนพาลเกเร
              มันจักเพนิสัยของเจ้า
              คือจังปลาเน่าบายแล้วเหม็นมือ
              (เพ = พัง  บาย = จับ)
             
                   การเรียน
              โอนอลูกเอย          เจ้ายังหนุ่มยังแน่น
              ให้เจ้าแก่นทางเรียน
              ให้เจ้าเพียรศึกษา
              ขุนหาวิชาไว้
         
.   เนื้อหาเกี่ยวกับประเพณี  เช่น ประเพณีบวชนาค ประเพณีลงข่วง ดังตัวอย่าง
นอนสาอำคาพ่อกล่อม
              เจ้าใหญ่แล้วพ่อให้บวชจำศีล
              ทำบุญหาส่งกุศลนำกัน
              นอนสาหล่าหลับตาอย่าได้แอ่ว
              แนวโตมันทั่งเป็นกำพร้าลุงป้ากะบ่มี
              แม่สิลงเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าบ่าว
              แม่สิหาพ่อน้ามาเลี้ยงให้ใหญ่สูง
              (แอ่ว = กวน  เว้า = พูด, คุย  แนวโต = เชื้อแถว)

          .  เนื้อหาเกี่ยวกับการล้อเลียนเสียดสี เช่น ล้อเลียนนายอำเภอ ความไม่สำรวม
                   ล้อเลียนนายอำเภอ
              นอนสาเด้อหลับตาสาเด้อ
              นายอำเภอตีเบอร์หัวล้าน
              เจ้าบ่ย่านเพิ่นสิมาตอนปี
                   ความไม่สำรวม
              แต่ช้าแต่เขาแห่ยายมา
              นกสักดามันฮ้องจ้อยจ้อย
              เบิ่งจัวน้อยแล่นออกมาจากวัด
              ลมบ้าพัดสบงหลุดจากโต
              โอโอ้โอ หัวจัวโตงเตง
              อีตาเก่งหัวร่อฮ่าฮ่า
              จังถูกครูบาเพิ่นมาไล่ตี
                   นอนสาหล่าหลับตาแม่สิก่อม
              นอนอ้อมล้อมในผ้าแม่สิกวย
              แม่ไปไฮ่หมกไข่มาหา
              แม่ไปนาหมกปามาต้อน
              แม่เลี้ยงม้อนนอนอู่สายไหม
              นอนอู่ไหมสายเดียวโต้นเต้น
              โต้นตีเต้นหมากม่วงกะเสน
              เอาไปเพลเจ้าหัวบ่อยาก
              เอาไปฝากจัวน้อยลักกิน
              (จัวน้อย = เณรน้อย โต = ตัว ต้อน = ฝาก เพล = ถวายพรมื้อกลางวัน)        

          .  เนื้อหาที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
                   ดวงอาทิตย์
              ตาเว็นเอยขึ้นสีแดงแดง
              ฮอดยามแลงส่งแสงชูมื้อ
              ยามมื้อเซ้าตาเว็นเจ้างาม
                   ดวงเดือนดวงดาว
              อีเกิ้งเดือนดาว
              ผู้สาวตำข้าว
              ผู้เถ่าไล่ไก่
              ผู้ใหญ่สีซอ
              บักกอลอแขวนคอควายน้อย
              (กอลอ = ที่แขวนคอควาย)



คุณค่าของเพลงกล่อมเด็ก
          .  เพื่อให้เด็กได้รับความเพลิดเพลินใจ  จิตใจสบาย อบอุ่น ไม่วิตกกังวล  ไม่กวนพ่อแม่ เพราะในเนื้อเพลงได้ใช้คำเรียกลูกด้วยถ้วยคำที่อ่อนโยน  ผูกพัน เช่น ลูกแก้ว ลูกน้อย ทองคำ คำแพง ดังตัวอย่าง
              นอนสาเด้อทองคำลูกแม่                นอนแต่เช้าเจ้าอย่าติงคิง
              นอนจริงจริงหลับตาจ้อยจ้อย            ลูกอ่อนน้อยหลับแล้วแม่ซิกวย
          .  เพื่อกล่อมเกลานิสัยเด็ก ในเนื้อเรื่องจะแทรกการสอนไปด้วย เด็กจะค่อย ซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น
              โอนอลูกเอย                    เจ้ายังหนุ่มยังแน่น
              ให้เจ้าแก่นทางเรียน            ให้เจ้าเพียรศึกษา
              ขนหาวิชาไว้                    ให้เจ้าเก็บเจ้ากำ
              คำเว้าของพ่อแม่                ให้เห็นแก่พี่แก่น้อง
              คนจั่งซิยกย่องสรรเสริญ อือ..ฮือฮือ
. สะท้อนให้เห็นสภาพของวัฒนธรรมในสังคมนั้น
. อาชีพของชาวบ้าน ตัวอย่างเช่น
เจ้าหล้าน้อยได้นอนอู่ทองคำ
                   เขาเอามาจำนำแต่ปางพ่อไปขายช้าง
                   มีทั้งต้างก้องขาดำให้เจ้าใส่
                   ทั้งซิ่นไหมหมี่เอื้อให้นางเอ้บาดใหญ่สูง
.๒ประเพณีปรากฎในเพลง  ตัวอย่างเช่น
หลับสาหล้าหลับตาแม่สิกล่อม
     แม่เป็นแม่ฮ้างผัวบ่มีคนหมิ่น
     เฮือนบ่มีพ่อย้าวชาวบ้านเพิ่นหยัน
     บัดนี้แม่สิไปเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าผู้บ่าว
     หลอนเทือได้พ่อน้ามาตุ้มให้ใหญ่สูง
.๓ค่านิยมไม่ชอบคนจน ตัวอย่างเช่น
ยามเดือนหกฝนตกกบเขียดฮ้อง
                   โฮมหนองนาพ่อเฒ่าจ่า
                   ฝูงหมู่ปลาดุกเดิดกั้งคะโยงเต้นตื่นแซว
                   อยากให้ลูกได้กินบ่แพ้แล้วบ่มีไผสิไปหาขั่ว
                   สิไปเที่ยวขอพี่น้องชาวบ้านก็บ่ทาน         
                   อยากกินซิ้นบ่มีผู้ไปหา
                   อยากกินปลาบ่มีผู้เอามาฝาก
                   หากสิเที่ยวขอหมู่ชาติเชื้อลุงป้าเพิ่นก็ซัง