วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผญาเกี้ยว

ผญาเกี้ยว
            คือ  ผญาที่กล่าวเกี้ยวพาราสีโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาวในโอกาสพิเศษ  โดยเฉพาะในงานลงข่วง   หรือปั่นฝ้าย     ซึ่งเป็นงานที่ชายหนุ่มนิยมมาพบปะพูดคุยกับหญิงสาวและมักจะมีการ "จ่ายผญา"  คือ  พูดจาเกี้ยวพานกันด้วยโวหารอันลึกซึ้งคมคาย  ผญาเกี้ยวจึงเป็นสิ่งทดสอบเกี่ยวกับปฏิภาณไหวพริบของคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี
                ผญาชนิดนี้บางครั้งเรียกกันว่า ผญาเครือ   และมีเนื้อหาที่สามารถแบ่งออกเป็นประการใหญ่ ๆ  ได้ 3 ประการ คือ
                . เนื้อหาของผญาเกี้ยวที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่นอีสาน  เนื้อหาของผญาเกี้ยวในลักษณะนี้จะมีถ้อยคำหรือข้อความกล่าวถึงวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ที่ปรากฎอยู่ในสังคมพื้นถิ่นวัฒนธรรมเหล่านั้นอาจแยกกล่าวย่อยออกไปได้  2  ชนิดกว้าง ๆ คือ
                        .  วัฒนธรรมวัตถุ  ได้แก่ สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ด้วยกันเอง  นับตั้งแต่วัฒนธรรมวัตถุที่มีความสำคัญมาก  เช่น ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม  อาหาร  ไปจนกระทั่งวัฒนธรรมวัตถุที่มีความสำคัญรอง ๆ ลงไป เช่น ยานพาหนะ หรือ อาวุธยุทธโธปกรณ์ต่าง ๆ
                                ในเนื้อหาของผญาเกี้ยวจะกล่าวถึงวัฒนธรรมวัตถุอยู่หลากหลายประการ  ไม่ว่าจะกล่าวถึงอย่างตรงไปตรงมา  หรือกล่าวถึงในลักษณะของความเปรียบก็ตาม ดังตัวอย่าง เช่น
                        ขอบคุณเด้อหล่าที่หายามาให้สูบ  ปูสาดฮูปดอกฟ้ามาช่างโก้แท้หนอหล้าเอย
                                (ขอบคุณน้องที่หาบุหรี่มาให้สูบ  ปูเสื่อที่เป็นรูปดอกฟ้าสวยงามต้อนรับเขา)
                        .  วัฒนธรรมที่ไม่เกี่ยวกับวัตถุ  ได้แก่  อุดมการณ์  ค่านิยม ประเพณี  หรือทัศนคติต่างๆ  ซึ่งปรากฎอยู่ในเนื้อหาของผญาเกี้ยวเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ดังตัวอย่างเช่น
                                สัจจาผู้หญิงนี้บ่มีจริงจักเทื่อ  ชาติดอกเดื่อนันบ่บานอยู่ต้นตอ  อ้ายบ่เชื่อคนดอกนา
                                (สัจจะของผู้หญิงนั้นไม่เคยมีจริงสักครั้ง  เหมือนดังดอกมะเดื่อที่ไม่เคยบานอยู่กับต้น  พี่จึงไม่เชื่อคนดอก)
                                ก่อนสิจากเจ้านี่อ้ายขอฝากไมตรีจิต  ขอให้พันธนังติดหมื่นปีอย่ามายม้าง  อ้ายขอทำบุญสร้างอานิสงส์แสวงร่วม
                                (ก่อนที่พี่จะจากน้องไป  พี่ขอฝากไมตรีไว้ให้ผูกพันกันสักหมื่นปี  อย่าได้มีวันเคลื่อนคลาย  จะขอทำบุญสร้างกุศลร่วมกับน้อง)
                                อ้ายมายอยาฮ่วนเฮียงเคียงสอง  หมายให้มีกินดอกนำน้องแท้เหล่า
                                (พี่อยากจะร่วมเรียงเคียงสอง  อยากให้มีพิธีแต่งงานกับน้องจริง ๆ)

          .  เนื้อหาของผญาเกี้ยวที่กล่าวถึงวัตรปฏิบัติที่เหมาะสม
                  โดยปกติของผญาเกี้ยวแล้วจะเป็นการกล่าวถ้อยโต้ตอบกันไปมา  และในกระบวนการเกี้ยวพาราสีนั้น  ผู้โต้ตอบกันก็อดมิได้ที่จะสอดแทรกถึงหลักที่ควรประพฤติ  ควรปฏิบัติตามระบบของสังคมเข้าไปในเนื้อหาของผญา  เช่น  การกล่าวแขวะชายหนุ่มว่าละทิ้งหน้าที่ของสามีมาตามสนใจผู้หญิงอื่น ดังตัวอย่างว่า
                        อ้ายเอย  เจ้าผู้มีเมียแล้วสังละเฮือนให้หมาเห่า  สังเจ้าบ่อยูบ้านเฮ็ดงานซ่อยเมีย
                        (พี่เอย  ทำไมจึงไม่อยู่บ้าน  ไม่ช่วยเมียทำงาน)
                            การที่ฝ่ายหญิงบอกกับฝ่ายชายว่า  ถ้ารักจริงก็ให้จักส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอดังตัวอย่างว่า
                        คั่นอ้ายมักน้องแท้ให้พ่อแม่มาขอ  เอากะทอมานำใส่อีนางไปนอนซ้อน
                        (ถ้าพี่รักน้องจริงให้ส่งพ่อแม่ขอสู่ขอ  และเอากะทอ หรือเช่งมาให้น้องไปนอนเป็นคู่เถิด)

                        สิ่งดังกล่าวนี้ถือเป็นหลักปฏิบัติที่คนในสังคมยึดถือและเห็นว่างดงามไม่สมควรละเว้น  จึงมีการนำมากล่าวกระตุ้นเตือนกัน  แสดงให้ประจักษ์ได้อย่างหนึ่งว่าชาวพื้นถิ่นอีสานยังคงยึดมั่นอยู่ในวัตรจริยาที่ดีงาม  มิได้ละเลยหลงลืม  เมื่อมีโอกาสจึงได้นำเอาข้อควรปฏิบัตินั้นมาอ้างถึงอย่างเป็นหลักสำคัญอยู่เสมอ

                .  เนื้อหาของผญาเกี้ยวที่อยู่ในลักษณะตลกชวนขัน     อารมณ์ขันของชาวพื้นถิ่นอีสานที่ ปรากฎอยู่ในบทผญาเกี้ยวนั้น  มักจะปรากฎอยู่ในลักษณะของความเปรียบ  กล่าวคือผู้กล่าวผญาจะพยายามเลือกสรรคำเพื่อนำมาใช้เปรียบเทียบให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกขบขันขึ้นมา  ดังตัวอย่าง เช่น
                        อ้ายนี้มักฮูปน้อง  คือ ดั่งยักษ์ถึกลอบ คือ ดังปอบถึงไซ
                        (พี่นี้รักน้องเหมือนกับยักษ์ติดลอบ  หรือปอบติดไซ)
                            น้องนี้ก็มักฮูปอ้ายผู้มีกายหนักเกิ่งภูเขา
                        (น้องนี้ก็รักพี่ที่หนักเสมอกับภูเขา)                    
ขั้นตอนผญาเกี้ยว
.    ขั้นทักทาย
.   ขั้นเผยความในใจ
-  บอกถึงสาเหตุ  จุดประสงค์ของการมา
-  หยั่งท่าทีดูว่ามีคนรักหรือยัง
-  พูดถ่อมตัว  ยกย่องอีกฝ่ายหนึ่ง
-  กล่าวเสนอความในใจ
.   ขั้นกล่าวลา
-  ลาด้วยความเข้าใจกัน
-  ลาด้วยความหวัง
-  ลาด้วยความจำเป็น
-                   ลาด้วยความไม่แน่ใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น