ผญา
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา โดยเป็นข้อตกลงยอมรับและปฏิบัติร่วมกันมาของสังคมนั้น ซึ่งในแต่ละสังคมมักจะมีวัฒนธรรมของตนเองโดยเฉพาะ เช่น วัฒนธรรมเกี่ยวกับภาษา วรรณคดี ศิลป ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น ภาษาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อความคิด ความต้องการ และอารมณ์ต่าง ๆ ประชาชนในสังคมเดียวกันย่อมใช้ภาษาร่วมกัน มีวัฒนธรรมหรือวิถีการดำเนินชีวิตร่วมกัน สมาชิกของสังคมรับและถ่ายทอดวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ จากบรรพบุรุษของตนด้วยภาษา ภาษาจึงช่วยให้มนุษย์ธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมของตนได้
สำหรับกลุ่มคนไทยในภาคอีสานมีภาษาอีสานหรือภาษาลาว เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารภายในสังคมของตน และเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาวอีสานมาสู่สังคมรุ่นหลัง ภาษาอีสานนอกจากจะมีลักษณะเด่นในด้านการมีคำใช้มากและมีคำวิเศษณ์ประกอบคำอื่น ๆ มาแล้ว ภาษาอีสานยังมีสำนวนพูดหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้ภาษาอีสานมีลักษณะที่แตกต่างไปจากภาษาไทยถิ่นอื่นๆ ชาวอีสานมีสำนวนในการพูดที่เป็นเอกลักษณะของตนโดยเฉพาะ เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหลักวาทศิลป์อันทรงคุณค่า คือ ผญา
ความหมายของผญา
มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัฒนธรรม และนักมานุษยวิทยาหลายท่าน ได้กล่าวถึงความหมายของผญา พอสรุปได้ดังนี้
จารุบุตร เรืองสุวรรณ (๒๕๒๐ : ๕๘) ได้ให้ความหมายของผญาไว้ว่า ผญา (ผะหญา) เป็นคำนาม แปลว่า ปัญญา ปรัชญา ความฉลาด ความรอบรู้ คำพูดที่เป็นภาษิตที่มีความหมายอยู่ในเชิงเปรียบเทียบ ประกอบด้วยถ้อยคำอันหลักแหลมลึกซึ้ง คำกลอนผญา อาจจะเป็นกลอนพื้นบ้านที่บ่าวสาวผูกขึ้นมาโต้ตอบกันเป็นการเกี้ยวพาราสี แสดงความรักต่อกันหรือประชดประชัน เสียดสี โดยไม่พูดกันตรง ๆ อาจเป็นคำพูดเลียบเคียงกระทบกระเทียบเปรียบเปรยกัน และอาจว่ากันเป็นกลอนสดก็มีมาก
จารุวรรณ ธรรมวัตร (๒๕๒๖ : ๑) ได้อธิบายความหมายของผญาว่า ผญาตามนัยแห่งนิรุกติศาสตร์ ผญา ตรงกับคำว่า "ปัญญา" ในภาษาบาลีและ "ปรัชญา" ในภาษาสันสกฤต ทั้งนี้เนื่องจาก ภาษาอีสานใช้ "ผ" แทน "ปร" และ "ปล" ในภาษากลาง เช่น
เปรต อีสานใช้ เผต ปราบ อีสานใช้ ผาบ
ประโยชน์ " ผะโยชน์ ประเทศ " ผะเทศ
แปลก " แผก เปลี่ยน " เผี่ยน
ดังนั้น ผญา จึงแปลว่า ปัญญา หรือ ความรู้ ซึ่งในทัศนะของชาวอีสาน ถือว่า ผญา เป็นแนวทางนำไปสู่ความสำเร็จ
ประเทือง คล้ายสุบรรณ์ (อ้างถึงในบุญธรรม ทองเรือง) ได้อธิบายความหมายของผญาพอสรุปได้ว่า ผญา คือ สำนวนการพูดอย่างหนึ่งของชาวอีสานที่เป็นคำคมให้แง่คิด เป็นคติสอนใจคนให้ประพฤติดีเป็นที่ยอมรับของสังคม ผญา เป็นคำพูดที่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบใช้คำอุปมาอุปไมย มีความหมายชัดเจน หลักแหลมลึกซึ้ง คำผญาใช้พูดในโอกาสต่าง ๆ กัน เช่น หนุ่ม - สาว ผู้ใหญ่ - ผู้น้อย เป็นต้น
ปรีชา พิณทอง (อ้างถึงในบุญธรรม ทองเรือง) ได้ให้ความหมายของผญาว่า ผญา เป็นคำนาม หมายถึง ปัญญา ปรัชญา ความฉลาด คำภาษิตที่มีความหมายลึกซึ้ง เช่น เงินเต็มพาบ่ท่อผญาเต็มปูม (ท้อง) หมายความว่ามีเงินมากมายก็สู้มีผญาอยู่เต็มท้องไม่ได้
จะเห็นได้ว่า ความหมายของผญา ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จะแตกต่างกันออกไปบ้างเฉพาะในเรื่องการใช้ถ้อยคำภาษา แต่โดยความหมายจะเป็นไปในทำนองเดียวกัน ซึ่งสรุปได้ว่า ผญา หมายถึงถ้อยคำหรือข้อความที่แสดงภูมิปัญญาของผู้พูด ที่ฉลาดหลักแหลม คมคาย มีปฏิภาณไหวพริบ โดยใช้ถ้อยคำภาษาที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจ เป็นคติเตือนใจ คำคม คำพังเพย คำอวยพร และคำเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว ผญาตรงกับภาษากลางว่าปัญญา ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้ทรงความรู้ของผู้พูด ตามผญาบทหนึ่งที่กล่าวว่า "มีเงินเต็มพา บ่ท่อมีผญาเต็มปูม" และในสมัยโบราณชาวอีสานเรียกคนที่มีปัญญาว่า "คนมีผญา"
ความเป็นมาของผญา
ภาษาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของสังคมฉันใด ผญาก็จัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านการใช้ภาษาของชาวอีสานฉันนั้น ชาวอีสานได้สืบสานวัฒนธรรมด้านผญาจากบรรพบุรุษมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาเหตุความเป็นมาของผญานั้นไม่มีหลักฐานชัดเจนนัก แต่มีผู้ทรงความรู้ทางวัฒนธรรมอีสานบางท่าน ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ความเป็นมาของผญา น่าจะมาจากสาเหตุ 3 ประการ พอสรุปได้ดังนี้
๑. เนื่องมาจากศาสนา ชาวอีสานส่วนใหญ่นับถือศาสนามาช้านาน คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้คนประพฤติชอบให้ประกอบกรรมในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งเป็นความต้องการของสังคม นอกจากชาวอีสานจะมีคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักแล้ว ผู้ใหญ่ในฐานะผู้มีประสบการณ์และใกล้ชิดกับสมาชิกของสังคมก็ย่อมต้องการให้สมาชิกของสังคมเป็นคนดี จึงมีการสั่งสอนต่อกันต่าง ๆ มาโดยคำสอนนั้นได้รับอิทธิพลจากศาสนา คำสั่งสอนอาจจะเริ่มต้นด้วยคำกล่าวร้อยแก้วทั่ว ๆ ไป ต่อมาอาจจะกลายเป็นคำคล้องจอง เช่น "เด็กน้อยบ่ฟังความพ่อความแม่ ผีแก่เข้าหม้อนฮก" ลักษณะเช่นนี้ เป็นผญาประเภทหนึ่ง เรียกผญาภาษิต
๒. เนื่องมาจากขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อถือ และระบบสังคมของชาวอีสานมาแต่โบราณกาล ชาวอีสานมีขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง เช่น ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ การประกอบประเพณีในแต่ละเดือน เช่น บุญมหาชาติ บุญสงกรานต์ บุญบั้งไฟ บุญเข้าพรรษา ฯลฯ หนุ่มสาวได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน แสดงออกซึ่งความพออกพอใจซึ่งกันและกัน หรืออาจเป็นการพูดกันเล่น ๆ หรือพูดหยอกล้อกันเพื่อความสนุกสนาน และบางทีพูดเพื่อประชันกัน เป็นการอวดความสามารถแต่ละฝ่าย ลักษณะการพูดเช่นนี้อาจจะทำให้เกิดผญาเกี้ยวสาวได้ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป
๓. เนื่องมาจากความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ตามประวัติศาสตร์และตามประวัติวรรณคดีไทย ย่อมแสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนมาแต่โบราณ สังเกตได้จากวรรณคดีไทยลายลักษณ์ในสมัยสุโขทัย เช่น ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง แม้จะเป็นวรรณคดีร้อยแก้ว แต่ก็ยังใช้คำสัมผัสคล้องจองกัน เช่น ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไพร่ฟ้าหน้าใส เป็นต้น ชาวอีสานโบราณก็เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนเช่นเดียวกัน จะเห็นได้จากคนโบราณเมื่อพูดกัน บางครั้งจะพูดคำคล้องจองกัน คนเฒ่าคนชราเมื่อจะสั่งสอนลูกหลานหรือการให้ศีลให้พรกัน ก็มักจะพูดเป็นคำกลอน เช่น นาดีถามหาข้าวปลูก ลูกดีถามหาพ่อแม่ หรือ ขอให้เจ้ายืนยาวมั่นพันปีอย่าฮู้ป่วย ไปทางใดขอให้รวยแก้วคำล้านค่าแสน อย่าได้ทุกข์ยากแค้นสรรพสิ่งแนวใด ให้มีชัย หมู่มารอย่าได้เวียนมาใกล้ นอกจากนั้นวรรณคดีของชาวอีสานจะมีรูปแบบคำประพันธ์เป็นร้อยกรองเป็นส่วนมาก เช่น ท้าวก่ำกาดำ สังข์ศิลป์ไชย จำปาสี่ต้น ขูลูนางอั้ว เป็น เมื่อชาวอีสานมีลักษณะเช่นนี้แล้ว อาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดคำผญาขึ้นได้ ดังตัวอย่าง
- เฮ็ดดีผีปันนาให้กิน
ความหมาย คนทำความดี จะได้รับผลตอบแทนที่ดี
- อยากฮู้สาวงามให้ถามพระในวัด
อยากฮู้พระเคร่งครัดให้ถามญาติถามโยม
ความหมาย อยากได้ข้อมูลที่ถูกต้องให้ถามผู้ใกล้ชิด
- บุญให้หาบ บาปให้หิ้ว
ความหมาย ทำบุญต้องทำมาก ๆ ทำบาปทำแต่เพียงน้อย ๆ
๔. เนื่องมาจากวรรณกรรม ชาวอีสานมีประเพณีอ่านหนังสือผูก ในโอกาสงานบุญต่าง ๆ เช่น เข้าพรรษา ออกพรรษา เป็นต้น หนังสือที่นำมาอ่านจะเป็นวรรณกรรมท้องถิ่นที่มีผู้จารไว้ในใบลาน สำนวนภาษาคล้องจองกัน เนื้อหาในวรรณกรรมนอกจากจะทำให้ผู้ฟังได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ยังได้รับคติสอนใจ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย ดังนั้น ผญาส่วนหนึ่งจึงได้มาจากวรรณกรรมท้องถิ่น ดังตัวอย่าง
- เป็ดไก่ยังฮู้หาเหยื่อป้อนคาบชีวังโต
ส่วนว่าเฮาเป็นคนอย่าสิดูดายดู้
(กาพย์ย่าสอนหลาน)
ความหมาย เป็ดไก่ยังมีความสามารถหาอาหารเลี้ยงตนได้ เพราะฉะนั้นคนอย่านิ่งดูดาย
- เพิ่นบ่เอิ้นอย่าขาน เพิ่นบ่วานอย่าซ่อย มักซ่อยแท้ให้พิจารณา
(เสียวสวาสดิ์)
ความหมาย ถ้าเขาไม่วานอย่าทำ ถ้าอยากทำให้พิจารณาให้ดี
- ไม้ลำเดียวยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ
(กาพย์ปู่สอนหลาน)
ความหมาย พี่น้องกันก็มีจิตใจไม่เหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น