วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขูลูนางอัว

ขูลูนางอั้ว


เริ่มด้วยบทประณามพจน์ เกริ่นว่าเป็นชาดก  ท้าวขูลู   โอรสเจ้าเมืองกาสี  และนางอั้วเคี่ยมเกิดเป็นธิดาเจ้าเมืองกายนคร    ทั้งสองเมืองมีความสัมพันธ์อันดี   เจ้าเมืองและมเหสีของทั้งสองต่างเป็นเพื่อนกัน  และเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ว่าถ้ามีลูกชายลูกสาวฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะยกให้อภิเษกสมรสกัน   ท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมเกิดปีเดียวกัน     เมื่อโตขึ้นนางอั้วเคี่ยมมีความงดงามมาก  เล่าลือไปถึงเมืองขุนลาง  ซึ่งเป็นขอมขาก่ำ(เขมรป่าดง)  จึงล่าสัตว์มาถวายเจ้าเมืองกายนคร      เมื่อท้าวขูลูเจริญวัยอยากมีคู่ครอง  จึงลามารดามาเที่ยวเมืองกายนคร  ได้นำเครื่องบรรณาการมาถวายเจ้าเมืองด้วย   ท้าวขูลูและนางอั้วเคี่ยมต่างมีใจปฏิพัทธ์ซึ่งกันและกัน   ท้าวขูลูอยู่ที่เมืองกายระยะหนึ่ง   จึงขอลานางกลับเมืองเพื่อจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอ
ขุนลางได้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนางอั้วเคี่ยม     มารดานางอั้วเคี่ยมไม่รับปากเพราะโกรธมารดาของขูลูซึ่งเป็นเพื่อนกัน  เมื่อครั้งตอนนางตั้งครรภ์นางอั้วเคี่ยม  นางได้ไปเที่ยวอุทยานของเมืองกาสี   ครั้นเห็นผบส้มเกลี้ยงในอุทยานอยากจะกินตามประสาคนแพ้ท้อง  แต่มารดานางอั้วเคี่ยมไม่ให้   อ้างว่าสัมเกลี้ยงยังไม่สุก  นางน้อยใจและด้วยความโกรธจึงตัดความเป็นเพื่อนกัน      นางอั้วเคี่ยม เมื่อทราบข่าวว่ามารดารับปากการสู่ขอของขุนลาง    นางเสียใจและไม่ยอมรับ  นางกล่าวว่าขุนลางเป็นคนนอกศาสนาไม่นับถือพระธรรม   แต่อยากไรก็ตามมารดาของนางอั้วเคี่ยมก็ยังยืนยันที่จะยกนางอั้วให้กับขุนลาง
ฝ่ายท้าวขูลูได้บอกให้บิดามารดามาสู่ขออั้วเคี่ยม          ครั้นแม่สื่อของท้าวขูลูมาสู่ขอมารดาของนางอั้วไม่ยอมตกลง     อ้างว่าได้ตกลงกับฝ่ายขุนลางไว้แล้ว      ขูลูจึงให้บิดาส่งแม่สื่อของสู่ขออีกโดยอ้างข้อตกลงระหว่างบิดาของทั้งสองฝ่ายที่ว่าจะให้บุตรธิดาของแต่ละฝ่ายแต่งงานกัน    แต่มารดานางอั้วก็ได้กล่าวถึงกรณีขอส้มเกลี้ยงคราวนั้น   จึงขอคืนคำสัญญาทั้งหมด            
ในที่สุดก็ตกลงว่าจะทำพิธีเสี่ยงสายแนนคือเชื่อว่าทุกคนจะมีสายรกพัวพันกันอยู่บนเมืองแถนก่อนมาเกิด  และคนเราต้องเป็นคู่กันตามสายแนนนั้น (ตามคำกล่าวคู่จากแถนแนนจากฟ้า)  ถ้าแต่งงานกันผิดสายแนนจะต้องหย่าร้างกัน  ฉะนั้นเพื่อจะดูว่าทั้งสองเป็นคู่กันหรือไม่ต้องทำพิธีเสี่ยงสายแนน      คือให้คนทรงทำพิธีเซ่นพระยาแถนและได้นำของไปถวายพระยาแถน   เพื่อขอดูสายแนนของขูลูและนางอั้ว  พบว่าสายแนนทั้งสองพัวพันกันอยู่    แต่ตอนปลายยอดด้วนและปลายแยกออกจากกัน   ซึ่งแสดงว่าเป็นเนื้อคู่กันแต่ต้องพลัดพรากจากกัน    นอกจากนั้นพบว่าสายแนนของขูลูมีแท่นทองอยู่ด้วย   ซึ่งแสดงว่าเป็นพระโพธิสัตว์     เมื่อแม่สูน(นางทรง,นางเทียม)  กลับมาได้แจ้งว่าทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน   แต่ต้องตายจากกัน
ฝ่ายขุนลางได้ส่งคนมาทาบทามอีกครั้งหนึ่ง        เพื่อกำหนดการอภิเษกสมรสและเพื่อฟังข่าวว่านางอั้วจะตกลงหรือไม่   ส่วนมารดาของนางอั้วก็ตอบตกลงและให้กำหนดแต่งงานในเดือนหน้า   นางอั้วทราบข่าวจึงโศกเศร้าเสียใจมากจึงให้คนรับใช้ไปเชิญท้าวขูลูมาพบ    ท้าวขูลูและนางอั้วได้พบกันและบอกให้นางอั้วคอยตนเองจะกลับไปเมืองกาสีและยกทัพมาชิงเอาตัว
ด้านมารดานางอั้วทราบว่าบุตรตนเองลักลอบพบกับท้าวขูลู   จึงโกรธและต่อว่านางอั้วไปเล่นชู้   ไม่รักนวลสงวนตัว  ทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล  นางอั้วจึงคิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนตายกวีได้พรรณนาความในใจของนางอั้วที่ยังอาลัยอาวรณ์กับสิ่งข้าง รอบตัว     โดยเฉพาะได้รำพันถึงพระคุณของมารดา   รำพันร่ำลาปราสาทราชวัง    ญาติและคนใกล้ชิด    ในที่สุดนางก็ผูกคอตายในสวน   ความทราบถึงเจ้าเมืองและมารดาต่างก็เสียใจ  และนำศพเข้าบำเพ็ญกุศล  ส่วนขุนลางก็ถูกธรณีสูบในคราวเดียวกันด้วย
ท้าวขูลูทราบข่าวการตายของนางอั้ว   ท้าวขูลูเสียใจมากเกิดอาการคุล้มคลั่งไม่เป็นอันกินอันนนอน   ประจวบกับผีตายโหงเข้าสิงจึงเอามีดมาแทงคอตนเองตายในที่สุด     ผู้แต่งได้ดำเนินเรื่องย้อนไปถึงอดีตชาติ  ที่ท้าวขูลูและนางอั้วได้ก่อเวรไว้    จึงต้องมารับใช้กรรมในชาตินี้   คือไม่สมหวังในความรัก   ว่า เมื่อชาติก่อนท้าวขูลูเป็นเจ้าเมืองเบ็งซอน      นางอั้วเป็นมเหสีชื่อนางดอกซ้อน     มีผัวเมียคู่หนึ่งไม่ย่ำเกรงนางดอกซ้อนทำให้นางไม่พอใจจึงไปฟ้องให้เจ้าเมืองลงโทษสามีภรรยาคู่นี้    เจ้าเมืองจึงสั่งไม่ให้เป็นผัวเมียกัน   หากพี่น้องคนใดชักนำให้มาอยู่กินเป็นผัวเมียกันอีกจะถูกประหาร  ทำให้ผัวเมียคู่นีเสียใจมาก  ฝ่ายเมียผูดคอตาย และสามีใช้มีดแทงคอตายตามกัน  ทำให้ในชาตินี้ท้าวขูลูและนางอั้วจึงต้องรับกรรมในชาตินี้  ท้าวขูลูและนางอั้วจึงได้ไปสวรรค์และได้พบกันอีกครั้ง
ฝ่ายเมืองกาสีและเมืองกายนคร ก็จัดพิธีงานศพทั้งสอง  และนำมาเผาเคียงคู่กัน  สร้างพระธาตุบรรจุอัฐิทั้งสองไว้ในที่เดียวกัน  ทั้งสองเมืองกลับมาสมัครสมานสามัคคีดังเดิมท้าวขูลูและนางอั้วได้แสดงอภินิหาริย์ให้ชาวเมืองได้เห็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น