วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปาตาจาลา

ปาตาจาลา

               เศรษฐีตระกูลหนึ่ง มีอยู่ ๓ คน คือ พ่อ แม่ ลูกสาวชื่อ ปาตาจาลา คนใช้ลูกสาว ชื่อจูละ นั้นเป็นคนใช้อยู่ที่นั่นตั้งแต่ปาตาจาลาเป็นเด็กแล้ว ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน พ่อกับแม่ปรึกษากันว่าจะให้ ปาตาจาลา แต่งงาน แต่ความเป็นจริงปาตาจาลานั้นได้มีความรักกับจูละมานานแล้ว  นางไม่กล้าบอกพ่อแม่
                นานวันเข้า พ่อกับแม่ก็ยิ่งรบเร้าให้นางมีครอบครัวบ่อยขึ้น นางปาตาจาจึงปรึกษากับจูละ จูละบอกให้ปาตาจาลาไปแต่งงานกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่าเถอะ แต่นางปาตาจาลาก็ยังครองความสาวเรื่อยมา ต่อมามีเศรษฐีอีกตระกูลหนึ่ง มาทาบทามนางปาตาจาลาเป็นเมีย พ่อแม่เลยมาบอกปาตาจาลา นางปาตาจาลาก็ไม่ยองปลงใจ พ่อแม่วิงวอนอย่างไรก็ไม่ยอมท่าเดียว เลยเกิดการเฆี่ยนตีบังคับกันขึ้น นางถูกมัดมือมัดเท้าโบยให้ยอมแต่งงาน แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ยอมท่าเดียว
                 จูละรู้ความยิ่งต้องบอกให้นางไปแต่งกับคนที่เหมาะสมเถิด แต่นางก็ไม่ยอมท่าเดียว จูละเห็นนางปาตาจาลาเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์ต่อความรัก จึงตกลงหนีตามกันไปในคืนนั้น...
                 ทั้งสองไปอยู่กระต๊อบน้อย อยู่อย่างง่ายๆตามประสายากหลังภูเขา นางปาตาจาลาไม่เคยทำอะไรก็ได้ทำ ตักน้ำ นึ่งข้าว เป่าไฟ ช่วยกันผลักกันดันให้ตัวเองและผัวอยู่รอด จนคลอดลูกออกมาคนหนึ่ง นางจึงคิดจะพาจูละกลับบ้านเอาลูกไปให้พ่อแม่ดู แต่จูละห้ามไว้
                 พอลูกคนแรกโตนางก็ตั้งท้องคนที่ 2 พอใกล้กำหนดนางก็ชวนกลับไปคลอดที่บ้านพ่อกับแม่และไปอยู่ที่นั่น เพราะว่าทุกข์ยากลำบากแท้ จูละก็ไม่ยอมท่าเดียว หนีแล้วต้องหนีให้ถึงที่สุด นางจึงทำท่าจะกลับไปออกลูกอยู่บ้านคนเดียว แต่ว่าฝนตกกลางทาง จูละจึงเรียกกลับมา พอถึงกระต๊อบแล้วนางก็เจ็บท้องพอดี ฝนตกแรงมากกระต๊อบน้อยไม่อาจต้านทานฝนได้ จูละจึงจะออกไปหาใบไม้มาซ่อมแซม จึงฝ่าฝนออกไปหา แต่ถูกงูพิษกัดตาย เพราะพิษงู
                    นางปาตาจาลาเจ็บท้องจะคลอดลูก ฝนก็ตกกระหน่ำหนัก กระต๊อบเปียกฝนก็ใกล้จะพง หลังคารั่วน้ำไหล ผัวก็ไม่มาสักที นางจึงคลอดลูกออกมากลางดึก นางกอดลูกทั้งสองนอนตากฝนอยู่ในกระต๊อบจนฟ้าสว่าง นางตัดสินใจอุ้มลูกตามหาผัว ตามป่าจนเห็นศพ นางร่ำไห้เสียใจอกแทบแตกสลาย รำพึงรำพันต่างๆนานา อกคนเป็นเมียแทบแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ นางเลยเอากิ่งไม้มาปิดบังไว้ดี จะได้ไม่เป็นเหยื่อนกกา  นางจึงคิดที่จะนำลูกทั้งสองกลับบ้านพ่อแม่  นางให้ลูกคนโตเดินส่วนนางอุ้มลูกคนเล็ก  ระหว่างทางต้องข้ามแม่น้ำซึ่งลึก  จึงสั่งให้ลูกคนโตรออยู่ที่ฝั่งก่อนแล้วนางจะนำลูกคนเล็กข้ามไปก่อน  และสั่งลูกว่าถ้าแม่โบกมือให้สัญญาณแล้วให้รีบข้ามมา  เมื่อนางนำลูกคนเล็กไปวางที่อีกฝั่งแล้วก็เดินกลับมาเพื่อรับลูกคนโต ระหว่างที่อยู่กลางแม่น้ำ มีเหยี่ยวตัวใหญ่บินมาโฉบเอาลูกคนเล็กไป  ทำให้นางโบกมือไล่เหยี่ยว  ทำให้ลูกคนเล็กโตคิดว่าแม่เรียกจึงเดินลงน้ำ  ทำให้จมน้ำตาย   เป็นเหตุให้นางเกิดความเสียใจ จนแทบสิ้นสติหลังจากนั้น นางก็เดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย แล้วคิดถึงชีวิตที่รันทดของนาง ที่หนีความสบายจากการเป็นลูกเศรษฐีมาตกตระกำลำบากกว่า 2 ปี ครั้นผัวตายก็ไม่มีโอกาสทำศพให้ ลูกทั้งสองก็ตายหมดนางเดินทางรอนแรมซัดเซพเนจร จนพบทางสว่าง นางได้บวชชีใต้เงาพระพุทธศาสนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น